ในรอบนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการปะยางยางรถยนต์ที่เราจะพูดถึงมีอยู่ 3 แบบด้วยกัน ซึ่งจะ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
ผู้ที่จะทำการปะยางรถยนต์จะต้องหารอยรั่วของยางรถยนต์ก่อนโดยการนำไปกดในน้ำเพื่อหารอยรั่วของยางรถยนต์จากนั้น จึงจะดึงเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากยางรถยนต์จากนั้นทำสัญลักษณ์ไว้บริเวณที่เป็นแผลของยางรถยนต์ โดยจะต้องถอดยางรถยนต์ออกมาจากล้อก่อนที่จะตกแต่งแผลรั่ว และทำความสะอาดโดยรอบแผลด้านในยางรถยนต์ ด้วยเครื่องเจียรที่หัวเป็นหินหยาบที่บริเวณที่ทำสัญลักษณ์ว่าเป็นแผลยางรถยนต์ที่รั่ว แล้วจึงทากาวไปที่บริเวณแผลยางรถยนต์ที่รั่วอยู่จากนั้นจึงจะเอาแผ่นยางดิบมาแปะที่รอยรั่วของยางรถยนต์ เพื่อทำการปะปิดรอยรั่วของยางรถยนต์
ข้อดี คือ ยางรถยนต์ไม่เสียทรงจากความร้อน
ข้อเสีย คือ ต้องระวังในการบรรทุกน้ำหนัก
จะคล้ายกันกับสตรีมเย็นในช่วงต้น คือ ผู้ที่จะทำการปะยางรถยนต์จะต้องหารอยรั่วของยางรถยนต์ก่อนโดยการนำไปกดในน้ำเพื่อหารอยรั่วของยางรถยนต์จากนั้น จึงจะดึงเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากยางรถยนต์จากนั้นทำสัญลักษณ์ไว้บริเวณที่เป็นแผลของยางรถยนต์ โดยจะต้องถอดยางรถยนต์ออกมาจากล้อก่อนที่จะตกแต่งแผลรั่ว และทำความสะอาดโดยรอบแผลด้านในยางรถยนต์ ด้วยเครื่องเจียรที่หัวเป็นหินหยาบที่บริเวณที่ทำสัญลักษณ์ว่าเป็นแผลยางรถยนต์ที่รั่ว จากนั้นจึงจะใช่กาว และยางดิบซึ่งจะเป็นแผ่นวางปิดบริเวณรอยรั่วแล้วจึงนำไปวางขึ้นบนเครื่องสตรีซึ่งเป็นเครื่องที่ใช่ความร้อนในการละลายยางดิบให้ผสานเข้ากับยางรถยนต์ที่เป็นแผลรั่วอยู่เพื่อทำการปิดแผลที่รั่วอยู่
ข้อดี คือ เป็นการปะยางรถยนต์ทำให้รอยรั่วโดนปิดได้สนิทที่สุด
ข้อเสีย คือ เนื่องจากการใช้ความร้อนอาจทำให้ยางรถยนต์เส้นนั้นเสียทรงได้
หรือตัวหนอน จะใช้ในกรณีที่ยางรถยนต์เป็นแผลขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่น เกิดจากวัสดุอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น ถูกตะปู เศษหิน หรือของแข็งขนาดเล็กมาแทงโดนยางรถยนต์ ซึ่งผู้ที่จะทำการปะยางรถยนต์จะต้องหารอยรั่วของยางรถยนต์ก่อนโดยการนำไปกดในน้ำเพื่อหารอยรั่วของยางรถยนต์จากนั้น ดึงเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากยางรถยนต์ จากนั้นจะแทงไหมที่มีใยสังเคราะห์ยางดิบและกาวลงเป็นส่วนประกอบลงไปไปที่บริเวณแผลของยางรถยนต์ เพื่อปิดแผลรอยรั่ว
ข้อดี คือ ทำการปะยางรถยนต์เสร็จเร็วไม่เสียเวลา ราคาไม่แพง
ข้อเสีย คือ อาจรั่วหรือซึมบริเวณที่ปะยางรถยนต์ไปได้ และใช่ได้กับแผลเล็กๆ เท่านั้น